Custom Search

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ




10 ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง

กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้ ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ

1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

2. มะเขือเทศราชินี

3. มะละกอสุก

4. กล้วยไข่

5. มะม่วงยายกล่ำ

6. มะปรางหวาน

7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง

8. มะยงชิด

9. มะม่วงเขียวเสวยสุก

10. สับปะรดภูเก็ต

ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม

* ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ได้แก่ แก้วมังกร มะขามเทศ มังคุด ลิ้นจี่ และสาลี่ เป็นต้น

* ส่วน 10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ ฝรั่งกลมสาลี่ ฝรั่งไร้เมล็ด มะขามป้อม มะขามเทศ เงาะโรงเรียน ลูกพลับ สตรอเบอร์รี่ มะละกอสุก ส้มโอขาว แตงกวา และพุทราแอปเปิล

* การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ ขนุนหนัง มะขามเทศ มะม่วงเขียวเสวยดิบ มะเขือเทศราชินี มะม่วงเขียวเสวยสุก มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะม่วงยายกล่ำสุก แก้วมังกรเนื้อสีชมพู สตรอเบอร์รี่ และ กล้วยไข่

* ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

* ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี

ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน



มะม่วงน้ำดอกไม้สุก ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง




มะม่วงน้ำดอกไม้สุก ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง

กรมอนามัยวิจัย มะม่วงน้ำดอกไม้สุกผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน)

มะม่วงน้ำดอกไม้สุกที่มีผลสีเหลืองทองสวยสะดุดตาและขายถึงผู้บริโภคออสเตรียในราคากิโลกรัมละ 16 ยูโร ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินไทยตกกิโลกรัมละ 800 บาทปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่ามะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ของไทยได้ขยายตลาดไปทั่วทุกมุมโลกโดยมีตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดหลัก รูปแบบของการส่งออกมีทั้งส่งแบบผลสด , แช่แข็ง ฯลฯ ในขณะเดียวกันเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออกส่วนใหญ่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนของการผลิตและสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของตลาดต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในแหล่งผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สำคัญของประเทศในจ.ฉะเชิงเทรา หรือที่ จ.พิจิตร ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้เพื่อการส่งออกที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งระดับประเทศ เกษตรกรเข้าสู่ระบบ GAP ( เกษตรดีที่เหมาะสม) มีการใช้สารปราบศัตรูพืชที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร หลายคนยังไม่ทราบว่าในอดีตมะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยเคยชนะการประกวดมะม่วงโลกที่ประเทศอังกฤษ ขณะนี้การส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้ได้เริ่มขยายตลาดไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรป รัฐบาลไทยควรให้การสนับสนุนและช่วยส่งเสริมให้มะม่วงไทยขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความเป็นอยู่และกำลังซื้อของคนออสเตรียก็ดีไม่แพ้หลายประเทศทางยุโรปตะวันตก ที่สำคัญคนออส เตรียส่วนใหญ่รู้จักประเทศไทยดีและมีความเป็นมิตรไมตรี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเข้าสู่ฤดูหนาว ในซูเปอร์มาร์เกตและตลาดขายผักและผลไม้ท้องถิ่นมีผลไม้แปลกและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาขาย อาทิ ทับทิมไร้เมล็ด จากประเทศสเปน , มะเดื่อพันธุ์บราวน์ ตุรกี จากประเทศตุรกี , อินทผลัมสดจากตะวันออกกลาง ฯลฯ ผลไม้ไทยร่วมวางขายอยู่ด้วยคือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุกที่มีผลสีเหลืองทองสวยสะดุดตาและขายถึงผู้บริโภคออสเตรียในราคากิโลกรัมละ 16 ยูโร ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินไทยตกกิโลกรัมละ 800 บาท โดยประมาณดูจากการบรรจุหีบห่อแล้วน่าจะเป็นการขนส่งทางเครื่องบินมีการแพ็กกิ้งที่สวยงามมาก ในขณะที่ มะม่วงคู่แข่งซึ่งออสเตรียนำเข้ามาจากประเทศบราซิลขายราคาถูกกว่ามะม่วงน้ำดอกไม้เท่าตัว คือกิโลกรัมละประมาณ 8 ยูโรเท่านั้นแต่สีของผลจะมีสีแดงสะดุดตาเช่นกัน ความจริงแล้วในขณะนี้ตลาดญี่ปุ่นเริ่มให้ความสนใจมะม่วงที่มีผลสีแดงมากขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นสีมงคล ในอนาคตเกษตรกรควรจะปลูกมะม่วงพันธุ์อาร์ทูอีทู ( มะม่วงจากประเทศออสเตรเลียซึ่งสามารถนำมาปลูกให้ออกดอกและติดผลได้ดีในบ้านเรา ) นอกจากที่ประเทศออสเตรียแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยยังมีวางขายในซูเปอร์มาร์เกต Coop เกือบทุกแห่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในราคากิโลกรัมละ 600


มะม่วงน้ำดอกไม้สุก ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง




มะม่วงน้ำดอกไม้สุก ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง

กรมอนามัยวิจัย มะม่วงน้ำดอกไม้สุกผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน)

มะม่วงน้ำดอกไม้สุกที่มีผลสีเหลืองทองสวยสะดุดตาและขายถึงผู้บริโภคออสเตรียในราคากิโลกรัมละ 16 ยูโร ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินไทยตกกิโลกรัมละ 800 บาทปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่ามะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ของไทยได้ขยายตลาดไปทั่วทุกมุมโลกโดยมีตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดหลัก รูปแบบของการส่งออกมีทั้งส่งแบบผลสด , แช่แข็ง ฯลฯ ในขณะเดียวกันเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออกส่วนใหญ่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนของการผลิตและสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของตลาดต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในแหล่งผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สำคัญของประเทศในจ.ฉะเชิงเทรา หรือที่ จ.พิจิตร ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้เพื่อการส่งออกที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งระดับประเทศ เกษตรกรเข้าสู่ระบบ GAP ( เกษตรดีที่เหมาะสม) มีการใช้สารปราบศัตรูพืชที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร หลายคนยังไม่ทราบว่าในอดีตมะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยเคยชนะการประกวดมะม่วงโลกที่ประเทศอังกฤษ ขณะนี้การส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้ได้เริ่มขยายตลาดไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรป รัฐบาลไทยควรให้การสนับสนุนและช่วยส่งเสริมให้มะม่วงไทยขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความเป็นอยู่และกำลังซื้อของคนออสเตรียก็ดีไม่แพ้หลายประเทศทางยุโรปตะวันตก ที่สำคัญคนออส เตรียส่วนใหญ่รู้จักประเทศไทยดีและมีความเป็นมิตรไมตรี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเข้าสู่ฤดูหนาว ในซูเปอร์มาร์เกตและตลาดขายผักและผลไม้ท้องถิ่นมีผลไม้แปลกและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาขาย อาทิ ทับทิมไร้เมล็ด จากประเทศสเปน , มะเดื่อพันธุ์บราวน์ ตุรกี จากประเทศตุรกี , อินทผลัมสดจากตะวันออกกลาง ฯลฯ ผลไม้ไทยร่วมวางขายอยู่ด้วยคือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุกที่มีผลสีเหลืองทองสวยสะดุดตาและขายถึงผู้บริโภคออสเตรียในราคากิโลกรัมละ 16 ยูโร ซึ่งเมื่อคิดเป็นเงินไทยตกกิโลกรัมละ 800 บาท โดยประมาณดูจากการบรรจุหีบห่อแล้วน่าจะเป็นการขนส่งทางเครื่องบินมีการแพ็กกิ้งที่สวยงามมาก ในขณะที่ มะม่วงคู่แข่งซึ่งออสเตรียนำเข้ามาจากประเทศบราซิลขายราคาถูกกว่ามะม่วงน้ำดอกไม้เท่าตัว คือกิโลกรัมละประมาณ 8 ยูโรเท่านั้นแต่สีของผลจะมีสีแดงสะดุดตาเช่นกัน ความจริงแล้วในขณะนี้ตลาดญี่ปุ่นเริ่มให้ความสนใจมะม่วงที่มีผลสีแดงมากขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นสีมงคล ในอนาคตเกษตรกรควรจะปลูกมะม่วงพันธุ์อาร์ทูอีทู ( มะม่วงจากประเทศออสเตรเลียซึ่งสามารถนำมาปลูกให้ออกดอกและติดผลได้ดีในบ้านเรา ) นอกจากที่ประเทศออสเตรียแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยยังมีวางขายในซูเปอร์มาร์เกต Coop เกือบทุกแห่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในราคากิโลกรัมละ 600


ขนุน ผลไม้พื้นบ้าน ประโยชน์มากมาย/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ


ขนุน ผลไม้พื้นบ้าน ประโยชน์มากมาย

ลักษณะทั่วไป

ขนุนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำต้นสูงประมาร 8–15 เมตรมียางขาวทั้งต้น ใบ กลมรี ยาว 7–15 ซม. ก้านใบยาว 1-2.5 ซม. เนื้อใบเหนียวและหนา ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกตัวเมียและตัวผู้จะอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกตัว ผู้จะออกที่ปลายกิ่ง เป็นแท่งยาวประมาณ 2.5 ซม. ช่อดอกตัวเมียเป็นแท่งกลมยาวออกจากลำต้น กิ่งก้านขนาดใหญ่ ผล เป็นผลรวม ผลกลมและยาวขนาดใหญ่ หนักหลายกิโลกรัมเมล็ดกลมรี เนื้อหุ้มเมล็ดสีเหลือง ถ้าสุกมีกลิ่นหอม

สรรพคุณทางยา

ใบ รสฝาดมันรักษาหนองเรื้อรัง และใบสดนำมาตำให้ละเอียดอุ่นพอกแผล ราก รสหวานอมขม แก้ท้องร่วง แก้ไข้ แก้ธาตุน้ำกำเริบ โลหิตพิการ ฝาดสมานบำรุงกำลัง และบำรุงโลหิต แก่นและราก รสหวานอมขม บำรุงโลหิต แก้กามโรค ขับพยาธิ ระงับประสาท และแก้โรคลมชัก ยาง รสจืด ฝาดเฝื่อน แก้อักเสบบวม แผลมีหนองเรื้อรัง แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ขับพยาธิ และขับน้ำนม เนื้อหุ้มเมล็ด รสหวานมันหอม บำรุงกำลัง และชูหัวใจให้ชุ่มชื่น เนื้อในเมล็ด รสหวานมัน บำรุงน้ำนม ขับน้ำนม และบำรุงกำลัง



ประโยชน์ทางยา
ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบ ราก (ขนุนละมุด) แก่นและราก ยาง เนื้อหุ้มเมล็ด เนื้อในเมล็ด

รสและสรรพคุณในตำรายาไทย
1. ใบ รสฝาดมัน รักษาหนองเรื้อรัง ใบสดนำมาตำให้ละเอียดอุ่นพอกแผล
2. ราก (ขนุนละมุด) รสหวานอมขม แก้ท้องร่วง แก้ไข้ แก้ธาตุน้ำกำเริบ โลหิตพิการ ฝาดสมาน บำรุงกำลัง บำรุงโลหิต
3. แก่นและราก รสหวานอมขม บำรุงโลหิต แก้กามโรค ขับพยาธิ ระงับประสาท แก้โรคลมชัก
4. ยาง รสจืด ฝาดเฝื่อน แก้อักเสบบวม แผลมีหนองเรื้อรัง แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ขับพยาธิ ขับน้ำนม
5. เนื้อหุ้มเมล็ด รสหวานมันหอม บำรุงกำลัง ชูหัวใจให้ชุ่มชื่น
6. เนื้อในเมล็ด รสหวานมัน บำรุงน้ำนม ขับน้ำนม บำรุงกำลัง

ขนาดและวิธีใช้
1. รักษาแผลมีหนองเรื้อรัง ใช้ใบแห้งบดเป็นผง โรยแผล หรือใช้ผสมยาทาตรงที่เป็น ถ้าใช้รักษาบาดแผลธรรมดา ใช้ใบสดตำให้ละเอียดอุ่นนำไปพอกแผล
2. ช่วยขับน้ำนม (ตำรับยาพื้นบ้านของชาวเหนือ) ใช้ก้านขนุนอ่อนที่มีผลขนุนติดอยู่ 3-7 ก้าน ต้มน้ำรับประทาน
3. แก้ซางชุมและละอองซาง ใช้ดอกตัวผู้ (ขนุนหนัง) หรือเรียกว่าส่า นำมาสุมแทรกใส่น้ำปูนใส ทาลิ้นเด็ก

คุณค่าทางโภชนาการ
ยอดขนุน รสฝาดอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผลอ่อน รสมันหวาน สรรพคุณฝาดสมาน รักษาอาการท้องเสีย ผลขนุนอ่อน 100 กรัม ให้พลังงานกับร่างกาย 22 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยน้ำ 88.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 1.7 กรัม โปรตีน 1.6 กรัม ไขมัน 1.0 กรัม กาก 2 กรัม มีใยอาหาร 8.7 กรัม แคลเซียม 8 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 3 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 4 ไมโครกรัม วิตามินบีหนึ่ง 0.49 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.05 มิลลิกรัม วิตามินซี 15 มิลลิกรัม

การปรุงอาหาร
ยอดอ่อน ใบอ่อนๆ ของขนุน รับประทานสดกับส้มตำ เมี่ยง (อีสาน) หรือรับประทานแบบสด หรือลวกรับประทานร่วมกับน้ำพริก นอกจากนี้ซังและยอดอ่อนยังปรุงเป็นแกง โดยแกงกับปลาแห้ง พริก หอมแดง กระเทียม ปลาร้า และ เกลือเล็กน้อย ปอกเปลือกฝานเนื้อขนุนเป็นแว่น นำไปต้มให้สุกและรับประทานร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปทำอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติเฉพาะถิ่น ชาวอีสานปรุงเป็นซุปบักมี่ชาวเหนือปรุงเป็นแกงขนุน

ประโยชน์อื่น
ขนุนเป็นต้นไม้ที่มีประโยชน์ใช้สอยมากมายหลายด้าน แก่นไม้หรือเนื้อไม้ของขนุนจะมีสีเหลืองเข้มออกน้ำตาล นิยมนำมาใช้เป็นสีย้อมผ้า ผ้าจะออกสีเหลืองน้ำตาล หรือเรียกว่า สักรัก นอกจากนี่ยังใช้ทำอุปกรณ์เครื่องเรือน และเครื่องดนตรีได้ด้วย




ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ




กล้วยไข่

ลักษณะทั่วไป
ต้น ลำต้นสูง 2. 5 - 3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 - 20 เซนติเมตร กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวปนเหลือง มีประสีน้ำตาลอ่อน ด้านในสีชมพูอมแดง
ใบ ก้านใบสีเขียวอมเหลือง มีร่องกว้าง โคนก้านมีครีบสีชมพู
ดอก ก้านช่อดอก มีขนอ่อน ปลีรูปไข่ ม้วนงอขึ้น ปลายแหลม ด้านนอกสีแดงอมม่วง ด้านในที่โคนกลีบสีซีด
ผล เครือหนึ่งมี 6 - 7 หวี หวีหนึ่งมีประมาณ 14 ผล ผลค่อนข้างเล็ก ก้านผลสั้น เปลือกผลบางเมื่อสุก มีสีเหลืองสดใส บางครั้งมีจุดดำเล็ก ๆ ประปราย เนื้อสีครีม อมส้ม รสหวาน

กล้วยไข่เป็นผลไม้ที่นิยมผู้บริโภคกันทั่วไป เนื่องจากมีรสชาติดี ลักษณะการเรียงตัวของผลและสีผลสวยสะดุดตา ปัจจุบันส่งออกจำหน่ายต่างประเทศมากขึ้น ตลาดที่สำคัญคือ จีน และฮ่องกง

กล้วยไข่เป็นพืชที่สามารถปลูกได้แทบทุกภาคของประเทศ ในพื้นที่ปลูกที่มีการจัดการการผลิตเพื่อให้ได้ทั้งปริมาณ และผลผลิตตรงตามมาตรฐานคุณภาพ ตลาดต้องการ ปัญหาสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของผลผลิตคือ การปนเปื้อนของ สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค ตลอดจนการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมในระยะยาว ดังนั้นกระบวนการผลิตจึงต้องมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม

แหล่งปลูกที่เหมาะสม สภาพพื้นที่

พื้นที่ดอน หรือพื้นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขัง

ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,200 เมตร

มีแหล่งน้ำธรรมชาติ หรืออยู่ในเขตชลประทาน

การคมนาคมสะดวก

ลักษณะดิน

ดินร่วน, ดินร่วนเหนียว หรือดินร่วนปนทราย

มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี

ระดับน้ำใต้ดินลึกมากกว่า 75 เซนติเมตร

ค่าความเป็นกรดด่างของดินระหว่าง 5.0-7.0

สภาพภูมิอากาศ

อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ระหว่าง 25-35 องศาเซนเซียส

ปริมาณน้ำฝนไม่น้อยกว่า 1,200 มิลลิเมตรต่อปี

ไม่มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ

มีแสงแดดจัด

แหล่งน้ำ

มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูปลูก

เป็นแหล่งน้ำสะอาด ค่าความเป็นกรดด่างของน้ำระหว่าง 5.0-9.0

พันธุ์

กล้วยไข่มี 2 สายพันธุ์ คือ กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร และกล้วยไข่พระตระบอง

พันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นการค้าคือ กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร

1. กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร

ลักษณะกาบใบเป็นสีน้ำตาลหรือช๊อกโกแลต ร่องก้านใบเปิดและขอบก้านใบขยายออก ใบมีสีเหลืองอ่อน ไม่มีนวล ก้านเครือมีขนขนาดเล็ก ผิวเปลือกผลบาง ผลเล็ก เนื้อมีสีเหลือง รสชาติหวาน

2. กล้วยไข่พระตะบอง

ลักษณะกาบใบเป็นสีน้ำตาลปนดำ สีของใบเข้มกว่าสายพันธุ์กำแพงเพชร รสชาดจะออกหวานอมเปรี้ยว และผลมีขนาดใหญ่กว่ากล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร






วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผลไม้ เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีขอแนะนำผักผลไม้ 6 ชนิด ดังนี้


ผลไม้ เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีขอแนะนำผักผลไม้ 6 ชนิด ดังนี้

.ลูกพรุน (Prunes)

ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไข มันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมายใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจะเป็นสีชมพู - ระเรื่อหรือซีดโทรมเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ผิวมีความหนามากขึ้นตามวัยจนมองไม่เห็น เลือดฝาดหรือเลือดไม่มีให้ฝาด คือเป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีพรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัม และมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการ ดูดซึมธาตุต่าง ๆเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น หากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ริมฝีปากแดงสเบอรี่แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ด้วยเลือดฝาด

2.ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสมความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ผิวดูอ่อนวัย นุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาวแถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

3.กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติเมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโต

ของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงักความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือสิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มี สารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

4.ฝรั่ง

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่ครับว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม

วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อน วัย วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอี

ลาสติน เสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเSensor่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้าง และ บำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue)เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่าคอลลาเจนี มันคือคอลลาเจนตัวเดียวกัน กับคอลลาเจนที่ทำให้

ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเองและเพราะฝรั่งอุดมไปด้วย วิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

5.แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือเจ้าตัว "เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาทีดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลียแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลส-เตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้วเพคตินจากแอป-เปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย

6.ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำ หนักได้อย่างดีทีเดียวครับ นอกจากนี้หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโตหรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้ว ผักและผลไม้อื่นๆก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่หย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้

ในแต่ละวันว่าควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใสปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวนนะคะ





















สินค้ารวม