Custom Search

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ถ้าคุณเป็นทาสคอมฯต้องทานมะม่วง/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ




ถ้าคุณเป็นทาสคอมฯต้องทานมะม่วง

ใช้สายตาจ้องหน้าคอมพิวเตอร์มากๆต้องถนอมด้วยการทาน "มะม่วง" ผลไม้ที่บำรุงสายตาได้ดีที่สุด

ปัจจุบันการทำงานในอาชีพต่างๆ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กระทั่งนักเรียนนักศึกษา การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ จะทำให้ดวงตาของเดราเมื่อยล้า และเสื่อมประสิทธิภาพได้ง่าย ดังนั้นต้องบำรุงสายตาเพื่อจะได้ใช้งานนานๆ

ผักใบเขียวนานาชนิดมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาอย่างมาก แต่บางคนอาจไม่ชอบทานผัก ไม่เป็นไร เพราะยังมีผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา นั้นคือมะม่วงสุดยอดผลไม้บำรุงสายตา

จักษุแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ พบมะม่วง เป็นผลไม้วิเศษในการถนอมรักษาสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายตาของผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะเสื่อมโทรมลงตามวันเวลาที่ล่วงไป

จักษุแพทย์ของศูนย์แพทย์โรคตาในสหรัฐฯได้ระบุว่า มะม่วงเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงรักษาสายตาได้อย่างดียิ่งเสียกว่าหัวผักกาดแดง เพราะมะม่วงอุดมไปด้วยวิตามิน ซี และ อี กับ เบตาแครโรทีน อันเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระทั้งสิ้น

สารทั้งสามอย่างจะช่วยต่อต้านตัวอนุมูลอิสระที่เป็นเหตุให้สายตาต้องเสื่อมเลวลง "เราได้รู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่า พวกอนุมุลอิสระ ยิ่งช่วยบ่อนทำลายสายตาที่เสื่อมลง เนื่องมาจากกล้ามเนื้อลูกตาอ่อนแรงให้หนักขึ้น" เขายังแนะนำว่า หากไม่กินมะม่วง ก็อาจจะเลือกกินผลกีวีก็ได้ เพราะ ลูกกีวีมีโปแตสเซียมสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียสายตาของผู้สูงอายุที่มีอาการความดันโลหิตสูงอยู่ด้วยได้




ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง ได้จริงๆ เหรอ/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ\





ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง ได้จริงๆ เหรอ

จริง เพราะตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้ๆหาย เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวัน ไปเหมาจาก Supermarket ทุก week แล้วเค้าก็ ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลง ทานได้แต่ผักกะผลไม้ และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพด

หวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด

เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้

กินดิบๆ ไม่ได้ แต ่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป

เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25

และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53

เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์

ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่นต้อกระจก

และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย

คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่าง

กายยิ่งมาก ขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวก

พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่าง

อื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

หากท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาส่งต่อให้กับคนที่ท่านรักต่อไป...



วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ผักผลไม้ค้างคืน มีสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นกว่าตอนสด ๆ ซะอีก/






ผักผลไม้ค้างคืน มีสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นกว่าตอนสด ๆ ซะอีก

หากคราวหน้าคุณคิดจะปาสตรอเบอรีหรือองุ่นค้างคืนทิ้งละก็ อย่าเพิ่งนะคะ เพราะนักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยียมเพิ่งรายงานมาว่า ผักและผลไม้เหล่านี้ยังคงมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่อีกหลายวันหลังจากที่เราซื้อมา บางชนิดแม้เราจะเห็นว่าใกล้เสียแล้ว ก็ยังมีคุณค่าอยู่ แถมบางชนิดยิ่งเก่าเท่าไร ยิ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระมากเท่านั้นคะ

อายุของผักและผลไม้นั้นเราอาจสังเกตได้จากรูปร่างลักษณะภายนอก

แต่ผักผลไม้อายุมาก ที่เราพยายามจะเขวี้ยงทิ้งกลับมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อเลยคะ คำว่ามีประโยชน์ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่ามีรสชาติอร่อย หรือมีคุณค่าทางโภชนาการสูงนะคะแต่หมายความว่า มันมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางพันธุกรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม นักวิจัยกล่าวว่า ยังไม่มีการศึกษาใด ที่ให้ความสำคัญกับรูปแบบการเก็บต่อระดับสารต้านอนุมูลอิสระ

Claire Kevers และคณะ ได้สรรหาผักผลไม้หลายชนิดจากตลาดเบลเยียม มาทดสอบระดับสารต้านอนุมูลอิสระ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป หลังจากเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง หรืออุณหภูมิ 37 องศาฟาเรนไฮต์ในตู้เย็น

จนกระทั่งผักผลไม้นั้นๆ จะเริ่มเน่า ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า หลังจากทิ้งผักผลไม้ที่ซื้อจากตลาดไว้หลายวัน ผักผลไม้เหล่านั้น ยังคงมีสารประกอบจำพวกฟีนอล กรดแอสคอร์บิกและเฟลโวนอล สารเคมีทั้งสามที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับระดับสารต้านอนุมูลอิสระ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ซื้อมานั้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของสารประกอบเหล่านี้คะ

สรุปว่าผักและผลไม้ที่ค้างคืน แม้จะดูไม่น่าทาน แต่ก็มีประโยชน์อยู่นะคะ ไม่จำเป็นต้องรีบทิ้งหรอกคะ


พืชผักที่ดีต่อ สุภาพสตรีโดยตรง/ ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ




พืชผักที่ดีต่อ สุภาพสตรีโดยตรง

ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล "โดยตรง" กับสุขภาพของ "ผู้หญิง" มีดังนี้ค่ะ

ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญลูกพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย

ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากด้วย จึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรูปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย

บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้

กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง "คอลลาเจน"ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หิวจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว


ระวังสารตกค้างในน้ำผลไม้/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ





ระวังสารตกค้างในน้ำผลไม้

อยากจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังปรกติเป็นคนชอบทานน้ำผักผลไม้กล่องทุกเช้า วันละแก้วสูงเต็มแก้ว ก็ทานอยู่หลายยี่ห้อสลับกันไป แล้วก็เป็นคนชอบทานผลไม้ด้วย ทานประจำทั้งกลางวันและเย็นหลังอาหาร ก็ไม่ได้เยอะมาก ส่วนมากก็ทานส้ม ฝรั่งเป็นหลัก เพราะหาซื้อง่ายและราคาถูก

เมื่อสักประมาณสองเดือนที่แล้ว เกิดอาการท้องอืดเหมือนอาหารไม่ย่อย แล้วก็มีแก๊สในกระเพาะเยอะมาก ผะอืดผะอม แต่ท้องไม่เสีย ก็ทานยาลดแก๊ส ยาธาตุ น้ำขิง ก็พอประทังแต่ไม่หาย เป็นอยู่สามวัน ก็ทนไม่ได้ ไปหาหมอที่รักษาประจำ เล่าอาการให้หมอฟังเสร็จ หมอถามว่า " ดื่มน้ำผลไม้หรือเปล่า?" ก็ตอบว่า "ดื่มประจำ " โดยเฉพาะส้มกับฝรั่ง" แล้วก็ตรวจเช็คร่างกาย หมอบอกว่ารู้แล้วว่าเป็นอะไร " อาหารเป็นพิษ" คือร่างกายสะสมสารพิษจากพวกยาฆ่าแมลงจนถึงจุดที่มันแสดงอาการ

หมอบอกว่า ส้มเป็นผลไม้ที่ใช้สารเคมีเป็นอันดับต้นๆ นอกจากนั้นก็พวกฝรั่ง แครอท องุ่น ผักคะน้า อีกหลายชนิด หมอบอกว่าเวลาในโรงงานเค้าผลิต เค้าไม่ปอกเปลือกหรอกคั้นกันทั้งเปลือก ไม่ว่าจะส้ม องุ่นและ ฝรั่ง เวลาล้างมันกำจัดสารเคมีได้ไม่หมดหรอก มันก็ไปตกค้างในน้ำผลไม้ที่เราดื่ม แต่ว่าปริมาณที่ตกค้างแต่ละขวด มันไม่สามารถทำให้เกิดอาการได้ทันที แต่จะสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากๆ ก็จะสะสมไว้ในตับ

แล้วพวกน้ำส้มที่เค้าคั้นขายสดก็ไม่ควรดื่ม เพราะนอกจากจะมีสารเคมี พวกยาฆ่าแมลงตกค้างแล้ว ตัวเครื่องที่ใช้คั้นก็เป็นตัวสะสมแบคทีเรีย เพราะแม่ค้าเค้าคั้นตั้งแต่เช้า กว่าจะล้างก็เย็น ช่วงระหว่างวันอากาศเมืองไทยร้อน ทำให้พวกแบคทีเรียเจริญเติบโตได้เร็ว หมอเค้าก็ให้ยาแก้อาหารเป็นพิษมา บอกว่าถ้าทานยาไปสักระยะแล้วไม่หาย ต้องมาหาหมออีก ต้องเจาะเลือดดูตับว่ามีสารพิษตกค้างอยู่มากขนาดไหน แต่เราโชคดีทานยาไปไม่กี่วันอาการก็ดีขึ้น หลังจากไปหาหมอ เราเลิกกินน้ำผักผลไม้ทุกชนิด ส่วนส้มกับฝรั่ง นานๆ กินที ก็หันไปทานพวก Apple สับปะรด มะละกอแทน ก็ฝากเตือนเพื่อน แล้วกันนะคะ


วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ล้างพิษใน 1 วันที่คุณทำเองได้/ผลไม้เพื่อสุขภาพ ง่ายๆของคุณ\




ล้างพิษใน 1 วันที่คุณทำเองได้

คงจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าการล้างสารพิษที่หมักหมมในตัวออกไป จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เลือดลมเดินสะดวก ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมทั้งลดความอ้วนได้ด้วย

หัวใจสำคัญในการล้างพิษใน 1 วัน คือ จะต้องกินให้ได้แคลอรี่น้อยกว่า 800 กิโลกรัม เพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พัก ต่อจากนั้นตับจะขับสารพิษออกมาได้และอาหารที่คุณจะทานในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์เข้ามาปะปนเด็ดขาด เข้าใจกันดีแล้ว ต่อไปเรามาเข้าสู่กระบวนการล้างสารพิษกันเลยดีกว่า

1. เลือกผลไม้ที่คุณชอบมา 1 อย่าง เช่น มะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ลส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ ยกเว้นอยู่ 2อย่างคือ ทุเรียนและสับปะรด เพราะทุเรียนมีแคลอรีสูงเกินไปและย่อยยาก ทานแล้วจะเป็นภาระกับระบบย่อย ส่วน สับปะรดนั้นมีกรดสูงมาก ถ้ากินทั้งวันท้องก็จะอืดได้

2. ทานแต่ผลไม้ชนิดเดียวตลอดทั้งวัน โดยอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เช่น ถ้าเลือกมะละกอก็อาจจะทานเป็นเนื้อมะละสุก หรือส้มตำ(มะละกอดิบ) ที่ใส่แต่มะละกอกับน้ำปลามะนาวเท่านั้น ไม่ใส่เครื่องประกอบอย่างอื่นเด็ดขาด

3. พอมาถึงมื้อกลางวันก็ทานมะละกออีก แต่อาจจะเป็นน้ำมะละกอปั่นใส่น้ำตาลน้อยที่สุด หรือน้ำมะละกอคั้นสดก็ได้

4. มื้อเย็นก็ยังต้องทานมะละกออีกครั้งเป็นมื้อสุดท้ายของวัน โดยอาจจะบีบมะนาวลงไปด้วยนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ไม่เลี่ยนเกินไป

5. วันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า คุณจะต้องดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวดก่อน เพราะเมื่อเราล้างสารพิษ ตับจะขับสารพิษให้มารวมกันอยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น จึงต้องดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำกระตุ้นและไปทานอาหารเช้า สารพิษก็จะถูกดูดกลับเข้าไปในกระแสเลือดเหมือนเดิม ทำให้การอดอาหารล้างพิษของเราต้องเสียเปล่าไป

วิธีเตรียมน้ำอุ่นผสมมะนาว

อุปกรณ์

ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร 2 ขวด

มะนาว 4 ลูก

เกลือป่น 2ช้นชา แต่ห้ามใช้เกลือไอโอดีน

วิธีทำ

ใส่น้ำดื่มให้เต็มขวดจากนั้นบีบมะนาวใส่ลงไปขวดละ 2 ลูกและเกลือ 1 ช้อนชา เขย่าให้เข้ากัน

มะนาวจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน ส่วนเกลือก็จะช่วยอุ้มน้ำไว้ไม่ให้ถูกร่างกายดูดซึมไปหมด น้ำจะได้เหลือไปจนถึงทวารหนักเพื่อขับอุจจาระ

หลังจากดื่มน้ำมะนาวประมาณ 10-20 นาที คุณจะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ นั่นคือาการปกติ หลังจากถ่ายท้องเรียบร้อยแล้วก็เริ่มทานอาหารได้

กระบวนการล้างพิษจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าหากทำเป็นประจำสัก 2 อาทิตย์ต่อหนึ่งครั้ง


สินค้ารวม