Custom Search

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มะเขือยาว รู้จักสมุนไพร





มะเขือยาว


ลักษณะ ทั่วไป ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นมีความสูงประมาณ 0.5-1 เมตร ลักษณะของลำต้นจะแข็งแรง มีสีเขียวหรือสีม่วง ลำต้นมีขนนุ่ม และสั้นปกคลุมทั่ว หรืออาจมีหนามเล็ก ๆ ส่วนบนจะแตกกิ่งก้านสาขาหนาทึบ

ใบ ใบออกสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปค่อนข้างกลม โคนใบเบี้ยว ส่วนปลายใบแหลม ริมขอบใบหยัก หรือเป็นคลื่นหลังใบ และใต้ท้องใบจะมีขนนุ่มปกคลุม ขนาดของใบยาวประมาณ 2.5-7 นิ้ว กว้างประมาณ 1.5-5 นิ้ว ก้านใบยาวประมาณ 1 นิ้ว

ดอก ดอกออกเป็นช่อ หรือออกเป็นดอกเดียว ลักษณะของดอกมีสีม่วง กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันส่วนปลายแยกจากกันเป็น 5 แฉก ปลายแหลม กลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อันและตัวเมีย 1 อัน อยู่ติดกับกลีบดอก ก้านเกสรและอับเกสรเป็นสีเหลือง

ผล ผลมีลักษณะกลมยาว มีสีเขียวอ่อน สีม่วงคล้ำ หรือเป็นสีขาว ผิวเปลือกจะเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ตรงขั้วผลก็จะมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่

การขยายพันธุ์ เป็นพรรณไม้เจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด



สรรพคุณ ลำต้นและราก ใช้ลำต้นและรากแห้ง ประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้ม เอาน้ำกินเป็นยาแก้บิดเรื้อรัง บิดอุจจาระเป็นเลือด หรือใช้ลำต้นและรากสดนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำทาหรือล้างบริเวณที่เป็นแผล ที่ถูกความเย็น แผลเท้าเปื่อยอักเสบ เป็นต้น

ใบ ใช้ใบแห้ง นำมาตำให้เป็นผงละเอียดกินประมาณ 6-10 กรัม เป็นยาแก้โรคบิดอุจจาระเป็นโลหิต แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคหนองใน แก้ตกเลือดในลำไส้ ใช้ภายนอกนำเอามาต้มเอาน้ำใช้ล้างแผล หรือใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลบวมเป็นหนอง และแผลที่เกิดเนื่องจากถูกความเย็น

ดอก ใช้ดอกสด หรือดอกแห้ง นำมาเผาให้เป็นเถ้าแล้วบดให้เป็นผงละเอียด ใช้มาบริเวณที่ปวดเป็นยาแก้ปวดฟัน
ฟันผุ และบริเวณแผลที่มีหนอง เป็นต้น

ผล ใช้ผลแห้ง นำมาทำเป็นยาเม็ด กินเป็นยาแก้ปวด แก้ตกเลือดในลำไส้ ขับเสมหะ อุจจาระเป็นโลหิต หรือใช้ผลสด นำมาตำให้ละเอียดใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลอักเสบที่มีหนอง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง และผดผื่นคัน เป็นต้น

ขั้วผล ใช้ขั้วผลที่แห้ง ประมาณ 60-90 กรัม นำมาต้มหรือเผาให้เป็นเถ้าบดให้ละเอียดกิน เป็นยาแก้ตกเลือดในลำไส้ อุจจาระเป็นโลหิตหรือใช้ขั้วผลสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกหรือทา บริเวณที่เป็นแผลบวมมีหนอง แผลในปาก ปวดฟัน หรือเป็นฝี เป็นต้น

ตำรับ ยา

  1. สำหรับผู้หญิงหัวนมแตกเจ็บ ให้ใช้ผลแก่จัด นำมาตากในร่ม จนแห้งแล้วนำไปเผาให้เป็นเถ้า จากนั้นก็บดให้ละเอียดผสมกับน้ำ แล้วใช้ทาบริเวณที่เจ็บ

    2.
    แผลที่เกิดจากพยาธิปากขอ เจาะไชเท้าให้ใช้ใบนำไปต้มเอาน้ำล้างบริเวณแผล

    3.
    เป็นฝีหลายหัว บริเวณที่หลัง หนองยังไม่แตก ให้ใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำส้มสายชูสีดำ นำมาต้มแล้วพอกในบริเวณที่เป็น

    4.
    เป็นปื้นขาว หรือแดงบริเวณบนผิวหนัง ให้ใช้ขั้วผลที่แห้งแล้ว คลุกผสมกับกำมะถัน จากนั้นก็บดให้เป็นผงละเอียด ใช้ทาบริเวณที่เป็น

    5.
    สำหรับเด็กที่เป็นวัณโรค อาเจียนเป็นโลหิต ไอ ท้องเสีย อาการที่พึ่งเป็น หรืออาการที่ยังไม่รุนแรง ให้ใช้หนอนลำต้นมะเขือเทศ (ต้นที่ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) นำมาผสมกับอาหารให้เด็กรับประทาน


ข้อมูล ทางคลีนิค

จากการทดสอบผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยการใช้ รากสดนำมาทำเป็นยาน้ำเชื่อม กินวัน 2-3 ครั้ง ๆ ละ 50 มล. กินติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน ปรากฏว่า อาการของคนป่วยที่หายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมี 21 คน อาการดีขึ้น 19 คน อาการหายชั่วคราว 22 คน สำหรับที่เหลืออีก 6 ราย ไม่ได้ผลแต่อย่างใด

ข้อมูลทางเภสัชวิทยา สารที่สกัดได้จากราก มีฤทธิ์ในการฆ่าแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิด แต่สารที่สกัด

จากผล หรือใบ เมื่อนำไปทดสอบ เช่น ใช้ทดสอบกับคน และกระต่าย ผลปรากฏว่ามีฤทธิ์ในการลดโฆเลสเตอรอลในเลือด และมีฤทธิ์ขับปัสสาวะได้





ยำมะเขือยาว อร่อยมากใครๆ ก็รู้ แต่ถ้านำมะเขือยาวมาเข้าตำรายาไทย ไม่ค่อยมีใครรู้

ในตำรายาไทยแนะนำว่า หากคุณเป็นฝีซึ่งมีอาการอักเสบอยู่ สามารถนำมะเขือยาวสดๆ จากในครัวมาพอกได้ครับ

วิธีทำ

ใช้มะเขือยาวครึ่งลูก (สีขาวหรือสีม่วงก็ได้) นำมาบดให้ละเอียดใส่น้ำส้มสายชูแท้ 1 ซ้อนชา ผสมให้เข้ากัน นำตัวยามาพอกไว้ที่ฝีแล้วพันผ้าทิ้งไว้ ยาพอกจะช่วยลดอาการอักเสบและลดอาการปวดได้ เพราะมะเขือยาวมีความเย็นและมีสรรพคุณรักษาผิวหนังเป็นแผล แก้ปวด ลดบวม



งดหมูแฮมไส้กรอกเป็นอาหารกลางวันเด็ก กลัวมะเร็งลำไส้ตอนโต

กองทุนวิจัยโรคมะเร็งโลกแจ้งว่า พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า การบริโภคเนื้อสัตว์ สำเร็จรูปชนิดต่างๆ จะเป็นเหตุให้เสี่ยงกับการเป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้น

พร้อมกันนั้นทางองค์การส่งเสริมสุขภาพอนามัยของอังกฤษได้แนะนำกับผู้ปกครองทั้งหลายให้เลิกการเอาหมูแฮมและเนื้อสัตว์สำเร็จรูปอื่นๆ แบบขนมปังหุ้มไส้กรอก เบคอน และไส้กรอกหมูปนเนื้อวัว ใส่กล่องอาหารกลางวัน ให้ลูกเอาไปกินที่โรงเรียน หลีกเลี่ยงการเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งเมื่อตอนโตเป็นผู้ใหญ่ ไว้เสียแต่เนิ่นๆ โดยข้ออ้างว่า แม้จะยังไม่มีผลการวิจัย

ถึงการกินเนื้อสัตว์ของเด็กโดยเฉพาะ แต่หลักฐานที่พบในผู้ใหญ่ก็หนักแน่นพอเกินกว่าจะไม่ใส่ใจเสียเลยได้ จึงควรจะฝึกให้เด็กกินอาหารที่ถูกอนามัย ละเว้นอาหารเนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆเสียตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เป็นต้นไป

ในช่วงระยะไม่กี่ปีมานี้ ความสัมพันธ์ของอาหารเนื้อสัตว์สำเร็จรูปกับการเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ใหญ่เพิ่งจะถูกกล่าวขวัญถึงกัน และมีบางคนได้กล่าวคาดเป็นเชิงว่าจะสามารถป้องกันคนได้เป็นเรือนพัน หากให้จำกัดการบริโภคเพียงอาทิตย์ละไม่เกิน 70 กรัม หรือเทียบเท่ากับเบคอนหั่นชิ้นบางๆ ยาวๆ 3 ชิ้น.

วิธีขจัดกลิ่นเหม็นในบ้าน.

วันนี้ ขอแนะเคล็ดลับวิธีขจัดกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์ภายในบ้าน...

เริ่มที่ กลิ่นบุหรี่ ขจัดกลิ่นง่ายๆ ด้วยการเปิดหน้าต่างให้โล่ง ใช้สำลีชุบแอมโมเนีย หรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ภายในห้อง หรือจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่น

-กลิ่นในห้องน้ำ จุดเทียนไขไว้ในห้องน้ำ จากนั้นดับให้สนิท ปิดประตูทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ กลิ่นเหม็นก็จะหายไป

-กลิ่นสีทาบ้าน ให้นำหอมหัวใหญ่มาผ่าครึ่ง แล้วไปวางตามมุมต่างๆในบ้าน เนื่องจากหอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น

เพียงเท่านี้บ้านคุณก็ไร้กลิ่นทันที



สับปะรด ผลไม้ที่ร่างกายต้องกการ




สับปะรด ผลไม้ที่ร่างกายต้องกการ

สับปะรดมีวิตามินซีที่จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ฯลฯ สับปะรดเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ในบ้านเราตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักความดีของสับปะรดกันดีกว่าค่ะ

1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในการย่อยอาหาร
สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ และลดการสูบบุหรี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

ประโยชน์ของสับปะรด

ใครที่ชอบรับประทานสับปะรด ทราบหรือไม่ว่า สับปะรดนั้นมีประโยชน์อย่างไร วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน

สับปะรด เป็นพืชที่รสชาติดี ใช้กินเป็นผลไม้ หรือปรุงเป็นอาหาร ส่วนมากนิยมนำไปแปรรูปทำเป็นสับปะรดกระป๋อง และสับปะรดกวน ส่วนใบมีเส้นใยยาวเหนียว สามารถนำไปทำเป็นเชือก หรือทำเป็นกระดาษ สับปะรดมีรสหวานฝาดเล็กน้อย

สารอาหารที่อยู่ในสับปะรดมีประโยชน์จำนวนมาก และมีคุณค่าทางยาสูง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด

การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน

การรับประทานที่ถูกวิธี คือ ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียง เป็นแถวๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อนๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์ บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทาน

ทราบถึงประโยชน์ของสับปะรดกันแล้ว ก็อย่าลืมหันมารับประทานสับปะรดกันเยอะๆ
แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้นนะครับ











แตงไทย ลบริ้วรอยด้วย แตงไทย



ดูแลรักษาหน้าใสด้วยสมุนไพร สูตรผสมจากผลไม้ (แตงไทยสุก)

แตงไทยสุก 1 ถ้วย
น้ำผึ้งแท้ 1 ถ้วย
วิธีผสม

นำแตงไทยสุกมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นรวมกับน้ำผึ้งแท้จน ละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้สำหรับนำมาพอก กับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกผิวหน้าสดชื่น และเต่งตึงขึ้นด้วยทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ3-4ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกต เห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็จะเห็น ความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้

ลบริ้วรอยด้วยแตงไทย

ใครที่ชอบทานแตงไทย ทราบหรือไม่ว่าแตงไทยสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน

แตงไทย นอกจากรสชาติจะอร่อยหวานแล้ว แตงไทยยังมีสารสำคัญที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และยังอุดมด้วย วิตามินเอ บี และซี รวมทั้งน้ำตาลจากธรรมชาติอีกด้วย

วิธีทำ คือ นำเนื้อแตงไทยมาปอกเปลือก แล้วคัดเฉพาะเนื้อมาครึ่งลูกปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวและน้ำมัน มะกอกอีก 1 ช้อนชา จากนั้นคัดเฉพาะน้ำไปแช่เย็น เมื่อเย็นพอแล้วนำมาเขย่า ใช้สำลีชุบแล้วลูบไล้ให้ทั่วทั้ง ใบหน้าและลำคอ ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ (เก็บไว้ใช้ได้ 2 วัน) แค่นี้ก็รู้สึกเย็นผิว และชุ่มชื่นไปทั้งวัน

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ได้กับผิวที่ไหม้เสียจากแสงแดด ส่วนใครที่อยากเก็บไว้ใช้นาน ๆ (แต่อาจเสียความชุ่มชื่น จากแตงไปบ้าง) คือการผสมวอดก้าแบบ 100 พรู้ฟ หลังจากเติมน้ำมะนาว เท่านี้ก็เก็บไว้ได้นานถึง 2 สัปดาห์

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้นะครับ






แตงไทยผลอ่อน

ใช้เป็นผักจำพวกผักผลสดเช่นเดียวกับแตงกวา นิยมใช้กินสดเป็นผักจิ้มชนิดหนึ่ง รสชาติคล้ายแตงกวาแต่เนื้อแน่นกว่า(น้ำน้อยกว่า) นอกจากนั้นยังนำไปยำและแกงเช่นเดียวกับแตงกวา รวมทั้งใช้ดองเป็นแตงดองได้ดีอีกด้วย นิยมดองให้มีรสออกหวานและเค็มเล็กน้อยมากกว่าดองเปรี้ยว

น่าเสียดายที่คนไทยยุคปัจจุบันไม่นิยมนำผลแตงไทยอ่อนมาใช้เป็นผักมากเหมือนในอดีต เท่าที่สังเกตดูจะมีแต่ภาคอีสานเท่านั้นที่ยังนิยมมากพอสมควร

ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่รู้จักแตงไทยในฐานะผลไม้ชนิดหนึ่ง เพราะยังนิยมกินกันอยู่ โดยเฉพาะขนมประเภทน้ำแข็งใส จะขาดแตงไทยน้ำ(เชื่อม)กะทิไปไม่ได้ เนื่องจากมีกลิ่นและรสชาติพิเศษไม่เหมือนผลไม้อื่น นับว่าแตงไทยน้ำกะทิเป็นขนมยอดนิยมของคนไทยยืนยาวมากว่าร้อยปี และคงนิยมต่อไปอีกนาน

นอกจากทำขนมแล้ว แตงไทยผลสุกยังนำมากินโดยตรงได้เช่นเดียวกับแตงโม แต่ไม่นิยมเท่าแตงโมเพราะไม่หวานเท่า รวมทั้งไม่นิยมเท่าแตงฝรั่ง(แคนตาลูป) เพราะรสชาติไม่หวานเท่าและเนื้อเละกว่า อย่างไรก็ตาม แตงไทยก็มีข้อดีตรงที่แข็งแรง ทนทาน ปลูกได้ง่ายกว่า และปลูกได้ตลอดปี สามารถปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเลย(แบบอินทรีย์)ได้ดีกว่าแตงโมหรือแตงฝรั่ง นอกจากนี้แตงไทยยังมีสายพันธุ์หลากหลายมาก มีโอกาสปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณภาพดีได้อีกมาก หากมีการปรับปรุงพันธุ์แตงไทยกันอย่างจริงจังแล้ว อีกไม่นานชาวไทยคงได้กินแตงไทยที่มีรสชาติและคุณสมบัติต่างๆ เท่าเทียมหรือดีกว่าแตงฝรั่ง รวมทั้งปลูกได้ตลอดปีโดยไม่ต้องใช้สารเคมีทุกชนิดอีกด้วย

กลิ่นและรสชาติของผลแตงไทยสดยังเหมาะสำหรับทำน้ำแตงไทย เพราะทำได้ง่าย กลิ่นและรสดี สีสวย คุณค่าทางอาหารสูง เนื่องจากมีวิตามินเอสูงมาก นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม ฯลฯ อยู่มากด้วย

ประโยชน์ด้านอื่นๆ

เนื่องจากแตงไทยเป็นแตงที่ปลูกง่าย บางครั้งจึงนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ด้วย เช่น หมู ไก่ เป็ด และปลา เป็นต้น โดยเฉพาะชาวไทยภูเขาซึ่งใช้วิธีเพาะปลูกแบบดั้งเดิม คือปลูกข้าวไร่พร้อมๆไปกับผักและผลไม้หลายชนิดในแปลงเดียวกัน





ประโยชน์ของแตงไทย


ไม่ใช่แค่ของหวานที่แตงไทยเป็น แต่ยังมีสรรพคุณเป็น สมุนไพร ไม่ให้อายเพื่อนผลไม้อื่น ๆ ดอกอ่อนของแตงไทยตากแห้งแล้วนำมาต้มกินทำให้อาเจียนเพื่อแก้โรคดีซ่าน ผลเป็น ยาระบาย ขับ ปัสสาวะ บำรุง ธาตุ ขับ น้ำนม ขับเหงื่อ บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง บรรเทาอาหารกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เมล็ดเป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ไอ

กินชองหวานชื่นใจอย่างน้ำแตงไทยกะทิ แถมยังได้กินสมุนไพรไปด้วยในเวลาเดียวกันอย่างนี้ มีก็แต่ผลไม้ไทยที่ดูดาด ๆ อย่างแตงไทยเท่านั้น








แตงไทย ลบริ้วรอยด้วย แตงไทย

ใครที่ชอบทานแตงไทย ทราบหรือไม่ว่าแตงไทยสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกันครับ

แตงไทย นอกจากรสชาติจะอร่อยหวานแล้ว แตงไทยยังมีสารสำคัญที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และยังอุดมด้วย วิตามินเอ บี และซี รวมทั้งน้ำตาลจากธรรมชาติอีกด้วย

วิธีทำ คือ นำเนื้อแตงไทยมาปอกเปลือก แล้วคัดเฉพาะเนื้อมาครึ่งลูกปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวและน้ำมัน มะกอกอีก 1 ช้อนชา จากนั้นคัดเฉพาะน้ำไปแช่เย็น เมื่อเย็นพอแล้วนำมาเขย่า ใช้สำลีชุบแล้วลูบไล้ให้ทั่วทั้ง ใบหน้าและลำคอ ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ (เก็บไว้ใช้ได้ 2 วัน) แค่นี้ก็รู้สึกเย็นผิว และชุ่มชื่นไปทั้งวัน

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้นะครับ



กินผัก เพื่อสุขภาพ ชวนกันกินผัก



ชวนกันกินผัก เรียนรู้ สมุนไพร

อาหารพวก "ผัก" ไม่เพียงแต่รับประทานแล้วอร่อยและอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางยาแอบแฝงอยู่อีกด้วย ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่ง เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น เกลือแร่ วิตามิน อยู่เป็นจำนวนมาก สารบางอย่างจะมีเฉพาะในผักเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พบมากในผักทุกชนิดคือ "กากใย" ซึ่งเป็นส่วนที่ย่อยไม่ได้และไม่ให้พลังงาน

กากใยของผักมีประโยชน์อย่างไม่คาดคิด

1. ช่วยลดความอ้วนเพราะให้พลังงานน้อย และจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้

2. ลดอัตราการดูดซึมของน้ำตาล จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังค้นพบอีกว่าคนที่รับประทานใยพืชมากๆ จะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวาน

3. ช่วยลดการดูดซึมไขมันและโคเลสเตอรอล

4. กระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก อีกทั้งยังช่วยลดการเก็บกักของเสียในร่างกาย ลดการหมักหมมของเสียในลำไส้ ลดโอกาสการดูดซับสารพิษจากของเสียเข้าสู่ร่างกาย และที่สำคัญมันช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเช่นกัน


5.
ลดอัตราเสี่ยงจากไขมันอุดตันหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต มีรายงานการศึกษาวิจัยจากวารสาร Archives of Internal Medicine พบว่าคนที่ชอบรับประทานอาหารพวกผักหรือเมล็ดธัญญพืชมากๆ มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ชอบรับประทานพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพในด้านลดความดันโลหิตลงมา ซึ่งจะส่งผลให้ลดอาการป่วยที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย เป็นต้น

6.
ช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เป็นต้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ผักชนิดต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกมาให้เรากินกันตลอดทั้งปี ซึ่งผักตามฤดูกาลนั้น มีคุณภาพ อร่อย ราคาถูก






สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

อาหารไทยได้ชื่อว่าอุดมด้วยสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ แถมบ่อยครั้งที่ช่วยเยียวยาอาการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพายา วันนี้มีสมุนไพรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีมาฝากคนที่มักจะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นเป็นประจำครับ


กระเทียม กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้าน เมื่อรับประทานเข้าไป สารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหาร และยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อยๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือก นำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียด รับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหาร อาการจะค่อยๆ หายไป

หอมเล็ก มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญหาอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด โดยเฉพาะยำต่างๆ

พริกสด พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อย ก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามาก ซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อน ช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนู แต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

ข่า ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดี จึงช่วยย่อยอาหารเช่นกัน วิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่นๆก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็กๆ

ตะไคร้ ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สดๆก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ ก็อร่อยไม่เบา

ใบแมงลัก ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะ หอมโล่งจมูก และน้ำมันหอมระเหยหอมๆนี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหาร คุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที

ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป สมุนไพรทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดี ปลูกไว้ในบ้านก็ได้ เพราะปลูกง่ายทุกชนิดค่ะ






ขิงแก้เหงือกอักเสบ

ตั้งแต่วัยรุ่นเป็นต้นไปถึงวัยทำงานช่วงต้นๆ ทุก
3 ใน 4 คนมีปัญหาโรคเหงือก และในบรรดาปัญหาโรคเหงือกทั้งหลาย เหงือกอักเสบสร้างความทรมานให้บ่อยที่สุด สาเหตุของปัญหาโรคเหงือกและฟันส่วนใหญ่เกิดจากการทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ส่วนเหงือกอักเสบเกิดจากคราบฟัน หรือที่เราเรียกว่าคราบพลัค (plaque) ซึ่ประกอบด้วยเชื้อแบคทีเรียจากการหมักหมมของเศษอาหาร เกาะอยู่บนฟันหินปูน เมื่อเกิดการติดเชื้อที่เหงือกหรือหินปูนเสียดสีกับเหงือก จึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเจ็บป่วย ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเหงือกอักเสบได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย ยิ่งไปกว่านี้หากเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างการแปรงฟันก็จะเกิดเหงือกอักเสบขึ้นได้ง่าย และหายช้าได้เช่นกัน หากใครกำลังมีปัญหาเหงือกอักเสบอยู่ ควรเร่งดูแลทั้งความสะอาดในช่องปากและสุขภาพโดยรวมให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงในเร็ววัน ระหว่างที่มีอาการเหงือกอักเสบ เรามีสมุนไพรที่มีสรรพคุณลดการอักเสบ ต้านการเกิดฝีหนองได้ ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันดีมาฝาก เอาไว้ทาแก้เหงือกอักเสบ ซึ่งจะช่วยให้หายได้ในไม่กี่วัน สมุนไพรที่ว่าคือขิงสด นำขิงสดมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด นำมาหั่นและบดละเอียด ให้ได้สัก 1 ช้อนชา เติมเกลือลงไปเล็กน้อย ประมาณ 1/4 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันดี นำมาทาบริเวณที่เหงือกที่อักเสบ วันละหลายๆ ครั้ง อาการบวมของเหงือกจะค่อยๆ หายเป็นปกติ เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว อย่าละเลยการดูแลทั้งความสะอาดในช่องปาก และการดูแลสุขภาพจากภายในด้วยนะครับ









ชวนกันกินผัก

อาหารพวก ผัก ไม่เพียงแต่รับประทานแล้วอร่อยและอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางยาแอบแฝงอยู่อีกด้วย ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่ง เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น เกลือแร่ วิตามิน อยู่เป็นจำนวนมาก สารบางอย่างจะมีเฉพาะในผักเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พบมากในผักทุกชนิดคือ "กากใย" (Fiber) ซึ่งเป็นส่วนที่ย่อยไม่ได้และไม่ให้พลังงาน



กากใยมีประโยชน์อย่างไร

1. ช่วยลดความอ้วนเพราะให้พลังงานน้อย และจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้


2.
ลดอัตราการดูดซึมของน้ำตาล จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังค้นพบอีกว่าคนที่รับประทานใยพืชมากๆ จะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวาน


3.
ช่วยลดการดูดซึมไขมันและ โคเลสเตอรอล


4.
กระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก อีกทั้งยังช่วยลดการเก็บกักของเสียในร่างกาย ลดการหมักหมมของเสียในลำไส้ ลดโอกาสการดูดซับสารพิษจากของเสียเข้าสู่ร่างกาย และที่สำคัญมันช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเช่นกัน


5.
ลดอัตราเสี่ยงจากไขมันอุดตันหลอดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต มีรายงานการศึกษาวิจัยจากวารสาร Archives of Internal Medicine พบว่าคนที่ชอบรับประทานอาหารพวกผักหรือเมล็ดธัญญพืชมากๆ มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ชอบรับประทานพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพในด้านลดความดันโลหิตลงมา ซึ่งจะส่งผลให้ลดอาการป่วยที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย เป็นต้น


6.
ช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เป็นต้น
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ผักชนิดต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกมาให้เรากินกันตลอดทั้งปี ซึ่งผักตามฤดูกาลนั้น มีคุณภาพ อร่อย ราคาถูก



ตัวอย่างผักตามฤดูกาล เพื่อสุขภาพ

มกราคม เช่น กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักกาดหัว(หัวไช้เท้า) มะเขือเทศ ถั่วลันเตา คะน้า ข้าวโพดฝักอ่อน ฟักทอง ผักกาดขาว


กุมภาพันธ์
เช่น ข้าวโพดฝักอ่อน ถั่วฝักยาว ผักกาดหัว (หัวไช้เท้า) ผักบุ้งจีน บวบ คะน้า กะหล่ำปลี


มีนาคม
เช่น ถั่วฝักยาว ผักบุ้งจีน บวบ คะน้า ฟักเขียว ฟักทอง


เมษายน
เช่น ถั่วฝักยาว ผักบุ้งจีน บวบ คะน้า ฟักทอง


พฤษภาคม
เช่น มะระจีน ชะอม ฟักทอง ผักบุ้งจีน ช้าพลู บวบ มะนาว ถั่วฝักยาว


มิถุนายน
เช่น มะนาว มะระจีน บวบ ถั่วฝักยาว กุยช่าย ชะอม ผักบุ้งจีน ช้าพลู ยอดตำลึง


กรกฎาคม
เช่น สะตอ ถั่วฝักยาว ยอดตำลึง ชะอม กุยช่าย มะระจีน มะนาว ช้าพลู บวบ


สิงหาคม
เช่น ยอดตำลึง ข้าวโพดฝักอ่อน กุยช่าย บวบ มะระจีน สะตอ ชะอม ถั่วฝักยาว


กันยายน
เช่น ชะอม ยอดตำลึง กุยช่าย ถั่วฝักยาว บวบ มะระจีน ข้าวโพดฝักอ่อน


ตุลาคม
เช่น ข้าวโพดฝักอ่อน ถั่วฝักยาว ผักกาดหัว(หัวไช้เท้า) คะน้า กะหล่ำดอก มะระจีน


พฤศจิกายน
เช่น คะน้า มะเขือเทศ ข้าวโพดฝักอ่อน ผักกาดขาว แครอท ฟักทอง กะหล่ำดอก ถั่วฝักยาว ผักกาดหัว(หัวไช้เท้า)


ธันวาคม
เช่น ข้าวโพดฝักอ่อน แครอท ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา ผักกาดหัว(หัวไช้เท้า) คะน้า กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ฟักทอง

เป็นอย่างไรบ้างครับ ผักตามฤดูกาล หาง่ายๆใช้ไหมครับ



สินค้ารวม